Best 10 Moments
in Year 2020!

ไม่มีอะไรดีไปกว่า “การอ่านหนังสือ” ก็จริง แต่ก็ไม่มีอะไร “เยี่ยมยอด” ไปกว่าการเดินทาง ทว่ามันจะเจ๋งเข้าไปอีกถ้าคุณมีเวลา “ตามอ่าน” ทวิตเตอร์สำนักข่าวต่างๆในโลกนี้ “ตามซื้อ” หนังสือนิตยสารดีๆ ตลอดทั้งปี และตามคนเก่งๆ ในโลกกว้างใบนี้ ด้วยความที่ต้องนั่งหลังขดหลังแข็งแปลข่าวกีฬาทุกเช้าเพื่ออ่านออกทีวี ปี 2020 จึงเป็นช่วงเวลาที่ผมได้อิ่มเอมกับกองทัพข่าวมากมายทุกวัน และเมื่อมาถึงโค้งสุดท้ายของปีนี้ เป็นธรรมเนียมเหมือนทุกครั้งที่ต้องมาสรุป 10 moments ที่เกิดขึ้น เหมือน Sight & Sound สรุปหนัง หรือ The Rolling Stone สรุปวงการดนตรี รวมทั้ง Time สรุปเหตุการณ์ต่างๆ แต่ปีนี้ ขอสรุปรวมหลายแวดวง “ที่เกี่ยวกับ sport” ผ่านความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ

1. Player Foundation

ช่วงสองปีที่ผ่านมา เทพบาสเกตบอลอย่าง เลอบรอน เจมส์ ออกเดินทางแนวจิตอาสา สอน คุย บริจาคทุกอย่างให้กับเด็กๆ หลายรัฐ โดยเฉพาะที่บ้านเกิดของเขาเอง แต่แนวทางการช่วยเหลือสังคมแบบนี้กลายเป็น “แบบเบ้า” มากมายเมื่อถึงปีโควิด-19 ที่ดังที่สุดและเป็นข่าวไปทั่วโลก คือเคสของ มาร์คัส แรสฟอร์ด ที่ค้านการงดแจกคูปองอาหารของรัฐ

เขาลุกขึ้นใช้ social บอกถึงการช่วยเหลือนี้ และเป็นตัวตั้งตัวตี เดินหน้า ทำโครงการบริจาคจนนำไปสู่การช่วยเหลือเด็กๆ ถึง 4 ล้านคน ข่าวนี้ดังมาก ประชาชนทวิต โพส โดนแขวะบอริส จอห์นสัน นายกฯ อังกฤษว่า เป็นผู้นำเสียเปล่า แต่สู้ แรสฟอร์ด ไม่ได้

Marcus Rashford Sansiri Blog
ภาพจาก talkSPORT

ในเวลาต่อมา มีนักกีฬาหลายคน ไม่ว่าจะเป็น นาโอมิ โอซากะ นักบอลหลายคน และนักมวยปล้ำ แม้แต่ โคลิน เคเพอนิก จาก NFL เคลื่อนไหวช่วยในเรื่องนี้ สโมสรต่างๆ ก็ขยับตัวตามน้กกีฬา แมนยูฯ ทำ fareshare บางทีมร่วมกับสินค้าวงการกีฬาทำ MealForKids แม้แต่เอกชนที่ขายเสื้อแบบ Local Brand ทำแคมเปญ KitsForKids คือขอเสื้อบริจาคมาขายเป็นเงิน

ถ้วยรางวัลใดๆ หรือ…. จะสู้การช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่อดอยาก ไม่มีข้าวกิน !

2.The Queen’s Gambit & Last Dance

ภาพจาก Elle Thailand

ถ้ารวมทั้งหนังโรงและภาพยนตร์สารคดีจาก Netflix ปี 2020 ถือว่าเป็นปีทองที่เราได้ดูงานดีๆ มากมาย (ในทางหนึ่ง Netflix เหมือนเอ็มควอเทียร์กับตลาดปากคลองรวมกัน มีหนังหลายตระกูลให้คนดูได้ educate ตัวเอง) แต่ถ้าต้องเลือก “คู่ชิง” ผมขอเลือก Queen s Gambit กับ Last Dance

เรื่องแรกโดดเด่นมาก ทั้งการเล่าเรื่องแบบใหม่ ที่ไม่ทำให้เกมหมากรุกที่ดูนิ่งๆ น่าเบื่อ การผูกเรื่องที่ทำให้ผู้ชมต้องอดใจไม่ได้ โครงเรื่องยังเป็น underdog ตามขนบของ sport movie แต่ชั้นเชิงที่เหนือชั้นทำให้หนังสนุก นอกจากนี้ยังใช้เทคนิคแบบเบรคเชียน ที่ถอยห่างตัวละคร ไม่จมจ่อมกับการดูไปเข้าข้างไป

ส่วน Last Dance ที่ผมชอบมากกว่า Queen s Gambit ได้สร้างมาตรฐานใหม่สารคดีผสมซีรีย์ขึ้นมา ทั้ง 10 ตอนมีการแบ่งธีมชัดเจน และทำให้เห็นทุกด้านของตัวละครในแบบมนุษย์ Last Dance ได้ทำให้วงการหนังเกิดศัพท์ที่ยอมรับกันเสียทีว่า DocuDrama ควรเป็น genre หรือตระกูลที่มาแทนที่ Dramatic-Realism คือเป็นความจริงแบบสารคดี และมีสีสันแบบดูหนังดราม่า

พ้นจากนี้ Last Dance ยังไปไกลถึงขั้น “วางกองกำลัง” ทำการตลาดควบคู่ซีรีส์ไปด้วย ระหว่างที่ออนแอร์ (เช่น การวางขายรองเท้าของ จอร์แดน หรือประมูลของ)

ภาพจาก ESPN

3.Spinning Fitness “Theme”

ตลาดอุปกรณ์ออกกำลังกายอย่าง Spinning Bike มาแรงเป็นปีแล้ว (ถึงขนาด Amazon กับ Wall Mart เปิดสงครามกัน) และมาแรงขนาดที่ว่าสาวๆ แห่ซื้อกันหลายบ้าน เพราะมันไม่ใช่ “จักรยานบ้านๆ” แต่ที่น่าสนใจคือ มันทำให้เกิดกิจกรรมต่อจาก fitness ไปสู่ theme ของการออกกำลังกายชนิดนี้ อย่างเช่น เมื่อฮัลโลวีนที่ผ่านมา ก็เกิดการแข่งขันแต่งชุดผีสาง จับกลุ่มแข่งกันผ่าน spinning bike และในปีหน้า ธีมต่างๆ จะทยอยออกมาให้สนุกกันอีกหลายครั้ง

4.British Football’s Greatest Ground

ปีก่อน หนังสือ Yellow Jersey ของวงการจักรยานตูร์ เดอ ฟรองซ์ ชนะเลิศแห่งปี จนคิดไม่ออกว่าปีนี้คณะกรรมการจะเลือกเล่มไหน ปรากฏว่า แชมป์มาออกที่หนังสือ “รวมสนามฟุตบอล” ชื่อ British Football’s Greatest Ground ทั่ว UK ซึ่งส่งทีมช่างภาพออกไปถ่ายสนามเก่าใหม่ ที่ทั้งเป็นสุสานและปรับกลายเป็น Modern Stadium ทันสมัยในเวลาต่อมา หนังสือเล่มนี้ ค่อนข้างสมบูรณ์มาก เมื่อเทียบกับพวก Groundtastic ที่ผมสมัครเป็นเมมเบอร์อยู่

British Football's Greatest Ground
ภาพจาก Twitter @myfootballbooks

5.The Athletic vs. The Telegraph

อันดับนี้ขอเลือกสงครามระหว่างสื่อกีฬาของ US กับ UK (เคยแปลลงในเพจ “แสนสิริ” ไปแล้ว) เล่าอย่างย่นย่อ… Ahtletic เป็นทุนสื่อจากอเมริกัน ประสบความสำเร็จจากการขายสมาชิกเพื่ออ่านข่าวกีฬาแบบวงในในอเมริกา จึงข้ามน้ำข้ามทะเลมาอังกฤษ และซื้อตัวนักข่าวฟุตบอลเจ๋งๆ ทั่วเกาะ เพื่อทำ “ข่าวฟุตบอล” แบบเจาะลึก ผ่านกลยุทธ์ 3 แบบ หลายคนยอมย้ายค่าย แต่บางคนเลือกภักดีกับที่เดิม

The TeleGraph เห็นความเคลื่อนไหวจึงทนไม่ได้ โต้ตอบกลับด้วยการข้ามไปอเมริกา จับมือกับ “คู่แข่งของ The Athletic” กลับมาปราบอริในบ้านเกิดตัวเอง …ศึกนี้ ยืดเยื้ออีกนาน

6.Allbirds Sneakers

หลายแบรนด์รองเท้าวิ่งปีนี้แป๊กจากยอดขาย บางแบรนด์ลดราคา 50% ตลอดทั้งปีทำให้ value คนใส่หายไป แล้วอะไรที่มาแรง นิตยสาร Time มีรายงานว่า รองเท้าวิ่งขนสัตว์(แกะกับนก) ที่ผสมกับเยื่อไม้ต้นยูคาลิปตัส ซึ่งเบาที่สุด เป็นเทรนด์ชนะเลิศปีนี้ เจ้าของ Allbird คือ ทิม บราวน์ บอกว่า แรงบันดาลใจของเขามาจากตอนที่เขาอยากใส่รองเท้าวิ่งที่ไม่มีตราสินค้าใหญ่จนคนใส่กลายเป็น “พรีเซนเตอร์” เสียเอง ยอดขาย 46,000 ล้านบาทในสองปี ไม่น่าจะมีใครข้องใจอีก

ภาพจาก Robb Report

 

7.Black Live Matter

ใครจะคิดว่าเหตุการณ์ที่ตำรวจในอเมริกายิงชายผิวดำตาย จะเกิดแรงสั่นสะเทือนรุนแรงยิ่งกว่าแผ่นดินไหวผสมสึนามิ เมื่อนักกีฬามากมายหลายประเภท พร้อมใจกัน “คุกเข่า” และแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ (ผ่านหน้ากากผ้า ผ่านเสื้อยืด ผ่านอาร์มแขน) BLM กลายเป็นเทรนด์ อันดับหนึ่งของวงการกีฬาและกลายเป็นการบอกกล่าวถึง “ความคิดหลัก” ของโลกยุคใหม่ (แม้ว่านักกีฬาผิวขาว จะยังไม่นอนร่วมห้องกับนักกีฬาผิวดำก็ตาม)

8.Tala Branding

เกรซ เบเวอลีย์ ต้องถือว่าเป็นเสียงของ start-up ตัวจริงเสียงจริง เมื่อเธออยากทำ “เสื้อผ้าออกกำลังกาย” ที่ทนทานและใส่ได้สำหรับ “คนเจ้าเนื้อ” ที่สามารถใส่ได้โดยไม่อายหุ่น และแค่แนวคิดนี้เท่านั้น เสื้อแบรนด์ Tala ของเธอขายระเบิดถล่มโลก จนกลายเป็นแบรนด์ที่นสพ.ในนิวยอร์คนำมาชื่นชมในทวิตเตอร์อยู่หลายครั้ง (น่าจะมีใครทำเสื้อออกกำลังกายสำหรับคนหล่อที่ไม่เจ้าชู้บ้างนะ 555)

We are TALA Sansiri Blog
ภาพจาก wearetala

9.AirBNB Coaching

การตลาดยุคใหม่นั้น ไม่จำเป็นว่าแบรนด์ต้องอยู่กับลูกค้าเดิมๆ AirBNB เจอโควิดเข้าไปแทบล้มทั้งยืน แล้วก็พยายามจะประคองตัวให้อยู่ได้บ้าง กิจกรรมง่ายๆ คือ เมื่อแบรนด์เป็นผู้ในสนับสนุนโอลิมปิค จึงดีลกับนักกีฬา โค้ช ทำการออกกำลังกายทางสตรีมมิ่ง โดยจำกัดไม่เกิน 5-20 คน แล้วทำ live คือให้คนเรียนที่ต้องจ่ายเงิน สามารถถามตอบสดๆ กับนักกีฬาได้

10.Bright Yellow & Ultimate Grey!

ภาพจาก Hypebae

เรื่องสุดท้ายนี่เพิ่งเกิดขึ้น เมื่อสำนักสี pantone เลือกสีเหลืองกับเทาเป็นเทรนด์สีปี 2021 ทำให้เสื้อออกกำลังกายปีหน้า จะออกมาทาง bright yellow & ultimate grey ทาง pantone บอกว่า เหลือคือ hope หรือความหวัง ส่วน grey คือ Strength

เทาคือพลังต่อสู้อุปสรรค ส่วนเหลืองคือ “ความหวัง”

อย่างน้อยก็หวังว่า โควิด จะไปแล้วไปลับ ไม่กลับมาอีก…

 

                สวัสดีปีใหม่ 2021 และถ้าจะมี “พรข้อใด” ที่สามารถเป็นจริงได้

                ขอให้ “สุขภาพที่ดีทุกวัน” เป็น “พรข้อนั้น” กับชาว “แสนสิริ” และทุกคนบนโลกนี้…

Related Articles

The Standard East Village

ตามเก็บให้ครบ! 7 พิกัดเคาท์ดาวน์ระดับท็อป ที่ชีวิตนี้ต้องไปสักครั้ง

อีกไม่กี่วันก็ได้เวลาบอกลาปีเก่าที่คุ้นเคยกันมาตั้ง 1 ปี หันไปต้อนรับเรื่องราวใหม่ๆ ในปีใหม่แล้ว เท่ากับเป็นสัญญาณว่า เทศกาลเฉลิมฉลองแห่งปีก็มาถึงแล้วด้วย! แค่คิด ก็อยากหายตัวไปอยู่ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความสุขชนิดลืมเศร้าตอนนี้เลย น่าเสียดายที่บางครั้ง ถึงช่วงนี้ของปีทีไร หลายคนกลับจบลงด้วยการนั่งเปื่อยๆ อยู่ที่บ้านเสียอย่างนั้น แต่ช่วงเวลาพิเศษที่ปีนึงมีครั้งเดียว แถมยังเป็นอะไรที่ทั่วทั้งโลกต่างก็อินไปพร้อมๆ กัน จะปล่อยให้ผ่านเลยไปในที่ที่ไม่มีอะไรพิเศษ หรือในที่ที่ไปเก่งและไปบ่อยมาทั้งชีวิต ก็คงจะน่าเบื่อแย่ ลองไปให้สุดกับสถานที่ใหม่ๆ